Home » บทความผิวพรรณ » 10 วิธีลบรอยสัก แบบธรรมชาติ ที่ทำแล้วไม่เป็นแผลเป็น ได้ผลจริงปี 2023

10 วิธีลบรอยสัก แบบธรรมชาติ ที่ทำแล้วไม่เป็นแผลเป็น ได้ผลจริงปี 2023

วิธีลบรอยสัก-แบบไหนได้ผลเป็นธรรมชาติที่สุด

วิธีลบรอยสัก

ในอดีตการลบรอยสักอาจจะทำให้ได้แค่ทำให้สีของรอยสักจางลงใกล้เคียงกับสีผิวเท่านั้น แถมยังต้องแลกมากับความรู้สึกเจ็บ และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น จึงทำให้น้อยคนนักที่จะกล้าลบรอยสัก แต่ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีเลเซอร์ลบรอยสักที่จะช่วยทำให้การลบรอยสักเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น สามารถลบรอยสักได้อย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งร่องรอยของสีหมึกไว้ให้เห็น แถมยังไม่ต้องมาลุ้นกับรอยแผลเป็นเหมือนการลบรอยสักแบบเดิมๆอีกต่อไป

การลบรอยสัก คืออะไร

การลบรอยสัก คือ การกำจัดสีของรอยสักบนชั้นผิวหนังของส่วนต่างๆบนร่างกาย ให้จางลงใกล้เคียงกับสีผิวเดิมได้มากที่สุด ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีทั้งวิธีทางการแพทย์โดยผู้เชี่ยว ศัลยแพทย์ หรือวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

สาเหตุของการลบรอยสัก เกิดจากอะไร

  • เกิดความผิดพลาดจากการสัก รอยสักไม่สวยเหมือนแบบที่อยากได้
  • สีของรอยสักผิดเพี้ยนไปจากเดิม เมื่อเวลาผ่านไป
  • เป็นรอยสักที่เกิดขึ้นตอนวัยรุ่นที่มาจากความคึกคะนอง สักตามเพื่อน
  • ต้องการลบรอยสักที่เต็มไปด้วยภาพแห่งความทรงจำ
  • สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานองค์กรที่ไม่อนุญาติให้มีรอยสักนอกร่มผ้า
  • ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในการทำงาน หรือการเข้าสังคม

10 วิธีลบรอยสัก แบบธรรมชาติ ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป

ลบรอยสักด้วยวิธีไหนดี-ไม่เป็นแผลเป็น

แม้ว่าคนยุคใหม่จะชื่นชอบการมีรอยสักสวยๆ ไว้บนร่างกาย แต่ก็ยังมีหลายคนเช่นกันที่หาสารพัดวิธีเพื่อลบรอยสักให้หมดไปจากผิวหนัง และ 10 วิธีที่ได้รับความนิยมในการลบรอยสักมากที่สุดได้แก่

วิธีที่ 1 ปูนแดงลบรอยสัก

การใช้ปูนแดงผสมกับน้ำสบู่หรือน้ำมะนาว โดยวิธีนี้จะต้องใช้เข็มขูดๆที่ผิวหนังที่มีรอยสักก่อนเพื่อเป็นการเปิดแผล จากนั้นพอกปูนแดงที่เตรียมบนผิวทิ้งไว้บริเวณที่ต้องการลบรอยสัก ปูนแดงจะเข้าไปกัดผิวหนังในบริเวณนั้น หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ รอยแผลก็จะค่อยๆ ลอกออกมาพร้อมกับรอยสัก แนะนำให้ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน หลังจากนั้นจึงค่อยๆรักษารอยแผลเป็น

  • ข้อดี : เป็นวิธีที่ประหยัด มีค่าใช้จ่ายน้อย โดยหลังการทำรอยสักจะถูกลอกออกมาพร้อมกับผิวหนังที่เป็นรอยแผล ทำให้รอยสักจางลง
  • ข้อเสีย : รู้สึกเจ็บแสบมากในขณะทำ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่เสี่ยงต่อการทำให้ผิวอักเสบติดเชื้อและเกิดรอยแผลเป็น
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลบรอยสักแต่มีงบประมานค่อนข้างน้อย

วิธีที่ 2 ครีมลบรอยสัก

ครีมลบรอยสักเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ถูกพูดถึงกันมากในโลกออนไลน์ ซึ่งในครีมลบรอยสักจะมีส่วนผสมของน้ำกรด และสารเคมีหลายชนิด เช่นกรด TCA กรดเกลือ กรด Lactic เข็มข้นสูง ที่มีการออกฤทธิ์กัดกร่อนผิวหนัง นิยมนำมาอย่างต่อเนื่อในบริเวณผิวหนังที่มีรอยสัก เพราะมีความเชื่อว่ารอยสักจะค่อยๆจางลงเมื่อมีการทำซ้ำๆเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

  • ข้อดี : ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ในขณะทำ และมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาแค่ทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
  • ข้อเสีย : อาจเกิดการระคายเคืองจากสารเคมีในตัวผลิตภัณฑ์ และยังไม่มีผลวิจัยออกมารองยอมรับว่าเห็นผลได้จริง
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับคนที่กังวลต่อความเจ็บในขณะลบรอยสัก หรือคนที่ต้องการลองวิธีใหม่ๆในการลบรอยสัก รวมถึงคนที่มีงบประมาณจำกัด

วิธีที่ 3 เมคอัพลบรอยสัก

การเมคอัพลบรอยสัก เป็นการลบรอยสักแบบเร่งด่วนที่ให้ผลลัพธ์อยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยการใช้เครื่องสำอางและเทคนิคการแต่งผิวแบบขั้นสุดเพื่อให้เมคอัพช่วยปกปิดรอยสักได้อย่างมิดชิด และมีสีที่เรียบเนียนไปกับผิว โดยเครื่องสำอางที่เลือกใช้ควรเป็นเมคอัพกันน้ำ เพื่อป้องกันการไหลเยิ้มจากเหงื่อและเพื่อความติดทนนานในระหว่างวัน

  • ข้อดี : สามารถมีผิวที่เรียบเนียนได้โดยไม่ต้องลบรอยสัก
  • ข้อเสีย : เป็นการลบรอยสักแบบชั่วคราว และอาจคราบเครื่องสำอางติดกับเสื้อผ้าได้
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับคนที่ยังต้องการเก็บรอยสักเอาไว้ แต่ก็อยากมีผิวที่เรียบเนียนในบางครั้ง

วิธีที่ 4 การสักทับรอยสักเดิม

สักทับรอยเดิม

เพราะการลบรอยสักเป็นเรื่องที่ยากและมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการสัก จึงทำให้หลายคนเลือกวิธีที่จะสักทับลงไปบนรอยสักเดิม โดยเลือกรอยสักใหม่ที่ชอบมากกว่า หรืออาจจะใช้สีของรอยสักที่ใกล้เคียงกับผิวก็ได้เช่นกัน ซึ่งวิธีจะช่วยให้มองไม่เห็นรอยสักเดิมอีกต่อไป

  • ข้อดี : ได้รอยสักใหม่ที่รู้สึกชอบมากกว่ารอยสักเดิม
  • ข้อเสีย : การสักทับรอยสักเดิมมักมีแบบให้เลือกได้ไม่มากนัก และอาจรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิมแถมยังเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้ออีกด้วย
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับคนที่รักในการสัก และอยากมีรอยสักอยู่ในตำแหน่งเดิม

วิธีที่ 5 ลบรอยสักด้วยยางมะละกอ

การลบรอยสักด้วยยางมะละกอเป็นวิธีลบรอยสักแบบดั้งเดิมที่มีมานาน โดยการทำให้เกิดแผลบริเวณรอยสักเพื่อเปิดผิว จากนั้นใช้ยางมะละกอพอกลงไปยังบริเวณรอยสัก ฤทธิ์ของยางมะละกอจะทำให้ผิวหนังแสบร้อน จนรอยสักหลุดออกมา จากนั้นจะต้องทำการล้างแผลให้สะอาด และดูแลรักษาเรื่องของรอยแผลเป็นให้ดี

  • ข้อดี : เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยมากๆสำหรับการลบรอยสัก
  • ข้อเสีย : เสี่ยงต่อการ อักเสบติดเชื้อ และ การเกิดรอยแผลเป็นนูน ซึ่งรักษาได้ยาก
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับคนที่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้มาก และต้องการลบรอยสักแต่มีงบที่จำกัด

วิธีที่ 6 ผ่าตัดลบรอยสัก

เป็นการผ่าตัดเลาะผิวหนังบริเวณที่เป็นรอยสักออกไปโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง แล้วเย็บปิดผิวหนังทั้งสองข้างเข้าหากันให้สนิท เพียงเท่านี้รอยสักก็จะสามารถหายไปได้ทันดี แต่วิธีนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีอื่น และมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดรอยสักอีกด้วย

  • ข้อดี : สามารถลบรอยสักให้ออกไปจากร่างกายได้ทันที
  • ข้อเสีย : อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นใหม่ขึ้นจากการผ่าตัด และวิธีนี้สามารถทำได้กลับรอยสักขนาดเล็กเท่านั้น
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสักขนาดเล็ก และต้องการผ่าตัดเผื่อกำจัดรอยสักนั้นให้หายไปในทันที

วิธีที่ 7 ด่างทับทิมลบรอยสัก

การลบรอยสักด้วยด่างทับทิม เช่นการลบรอยสักแบบธรรมชาติที่สามารถทำด้วยตัวเอง โดยเปิดแผลในบริเวณที่ต้องการลบรอยสัก จากนั้นนำด่างทับทิมมาพอกไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก เพื่อให้ด่างทับทิม ออกฤทธิ์ดูดซึมและกัดผิวหนังบริเวณที่มีรอยสัก จากนั้นประมาณ 10 วัน สีของรอยสักหลุดออกมาพล้อมกับสะเก็ตแผล

  • ข้อดี : สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ในราคาถูก และหาซื้ออุปกรณ์ได้ง่าย
  • ข้อเสีย : อาจทำให้รู้สึกเจ็บแสบจนน้ำตาเล็ดในขณะทำ อีกทั้งยังอาจทำให้เกินการติดเชื้อได้ง่ายๆ และเสี่ยงมากที่จะเกิดรอยแผลเป็น
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะกับคนที่มีรอยสักขนาดเล็ก และอยากลบรอยสักด้วยตัวเองในงบที่จำกัดมากๆ

วิธีที่ 8 ลบรอยสักด้วยการกรอผิวหนัง

ลบรอยสักด้วยการกรอผิว (Dermabrasion) เป็นการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ กรอขัดกรอผิวลงไปให้ลึกถึงชั้นหนังแท้ที่มีการฝังตัวของสีหมึก เพื่อกำจัดเม็ดสีให้หลุดออกมาจากผิว ซึ่งจะทำให้รอยสักดูจางลงเล็กน้อยหลังทำ สำหรับใครที่อยากเห็นผลชัดเจนต้องกลับมาทำซ้ำหลายครั้ง จนกว่าสีหมึกใต้ผิวหนังจะหมดไป

  • ข้อดี : เป็นวิธีที่ทำโดยแพทย์จึงมีผลข้างเคียงน้อย และรอยสักจางลงหลังการทำตั้งแต่ครั้งแรก
  • ข้อเสีย : รู้สึกเจ็บแสบผิวมากในขณะทำ มีขั้นตอนการรักษาแผลที่ยุ่งยาก และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะกับคนที่มีรอยสักขนาดเล็กมากๆ เพราะจะเห็นผลได้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก

วิธีที่ 9 ลบรอยสักด้วยเกลือ

เป็นอีกวิธีที่มีการแชร์กันมากในโลกออนไลน์ โดยการใช้เกลือไอโอดีน celandine ถูในบริเวณที่มีรอยสัก ประมาณ 30-40 นาทีต่อครั้ง แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องโดยมีการเว้นระยะให้ผิวได้มีการฟื้นฟูตัวเองอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ (อย่าทำบ่อยจนเกินไป) เพราะอาจส่งผลทำให้ผิวบางลงได้ ซึ่งเกลือจะเข้าไปกัดผิวชั้นบน ทำให้รอยสักค่อย ๆ จางลงไป หลังจากที่แผลหลุดออก

  • ข้อดี : เมื่อทำอย่างต่อเนื่องหลายๆครั้ง สีของรอยสักจะค่อยๆจางลง
  • ข้อเสีย : รู้สึกแสบมากจนอยากจะร้องกรี๊ด เสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดรอยแผลเป็นสูงมาก
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะกับคนที่มีความเชื่อว่าเกลือจะสามารถลบรอยสักได้

วิธีที่ 10 เลเซอร์ลบรอยสัก

การทำเลเซอร์ลบรอยสักเป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่สูง ที่มีการส่งผ่าบพลังงานในระยะเวลาที่สั้นที่สุด หน่วย Picosecond (หนึ่งในล้านล้านส่วนของหนึ่งวินาที) เพื่อทำให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้ผิวหนัง จนเม็ดสีส่วนเกินแตกกระจายตัวอย่างละเอียดเป็นโมเลกุลเล็กๆ ก่อนที่จะถูกกำจัดออกไปด้วยระบบการขับของเสียในร่างการ เช่นเหงื่อ ปัสสาวะ เป็นต้น จึงทำให้สามารถกำจัดรอยสักได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้เกิดรอยแผล

  • ข้อดี : สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนตั้งแต่หลังการทำครั้งแรก โดยไม่ก่อนให้เกิดความเสียหายกับชั้นบนของผิวหนัง
  • ข้อเสีย : มีราคาสูง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง รอยสักจึงจะหายไปได้อย่างหมดจด (ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยสัก)
  • เหมาะกับใครบ้าง : เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องรอยแผลเป็นหลังการลบรอยสัก และผู้ที่ต้องการทวงคืนผิวหนังที่เรียบเนียนให้กลับคืนมา

ลบรอยสักด้วยตัวเองได้หรือไม่?

ถึงแม้ว่าการลบรอยสักจะมีหลายวิธีที่สามารถทำได้ตัวเอง แต่ก็ล้วนแต่เป็นวิธีที่ไม่มีการการันตีผลลัพธ์ที่แน่ชัด แถมยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเกิดรอยแผลเป็น ดังนั้นจึงควรหลีเลี่ยงการลบรอยสักด้วยตัวเองจะดีที่สุด

ลบรอยสักด้วยวิธีไหนไม่ทำให้เป็นแผลเป็น

การลบรอยสักที่ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องมือที่ปลอดภัย หรือได้รับการการันตีจากแพทย์ผิวหนังและผู้ใช้บริการจริง และเคยได้รับรางวัลจากการเปรียบเทียบจากหลายๆเครื่องมือ เช่น Picoway Laser ที่เคยได้รับรางวัล The Best Picosecond laser of the Year 2015 ในการ The Aesthetic Industry Awards จากการเปรียบเทียบกับเครื่อง Pico laser จากหลายเครื่องทั่วโลก และเป็นเครื่องที่ผ่านการรองรับความปลอดภัยจาก US.FDA และ อ.ย ไทย

สิ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนลบรอยสัก

  • จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ลบรอยสักของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการสัก คุณภาพหมึกที่ใช้ในการสัก สีของรอยสัก
  • การทำเลเซอร์ลบรอยสักจะไม่สามารถทำให้รอยสักหายไปได้ 100% ในการทำครั้งแรก ต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้งขึ้นไปตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
  • หากทำการลบรอยสักผิดวิธี อาจทำให้มีโอกาสที่ผิวจะเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อรุนแรงที่ผิวได้
  • การลบรอยสักด้วยเลเซอร์บางชนิดจะไม่สามารถลบรอยสักที่มีสีเขียวและสีฟ้าได้
  • หลังการลบรอยสักด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช้การทำเลเซอร์อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอได้

ตัวอย่างการลบรอยสักด้วยเลเซอร์

วิธีลบรอยสักสี โดยไม่เป็นแผลเป็นด้วยเลเซอร์
วิธีลบรอยสัก ด้วย picoway ที่ข้อมือ
ลบรอยสัก ด้วยวิธีที่ไม่สร้างรอยแผลเป็น
ภาพตัวอย่างการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ที่ข้อเท้า

สรุป

หากใครที่อยากลบรอยสักแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เลือกวิธีลบรอยสักได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย แต่สำหรับใครที่อยากลบรอยสักแบบเร่งด่วนเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกโดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย แนะนำให้เลือกลบรอยสักด้วย Picoway Laser ที่มีเสียงยอมรับจากผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากว่าได้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง


ข้อมูลอ้างอิง

Dealing with tattoos in plastic surgery. Tattoo removal https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27751741/

Laser Tattoo Removal: An Update https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27722955/