ปัญหาขนรักแร้ในยุคนี้เก็ต้องยอมรับว่าถือเป็นปัญหาที่ทำเอาเหล่าหนุ่มๆ สาวๆ ออกอาการกังวลใจกันอย่างมากมาย เพราะจะสร้างความไม่มั่นใจในการการแต่งตัว ดังนั้นในบทความนี้ออนนี่ได้รวบรวมสุดยอดวิธีกำจัดขนรักแร้ และแก้ปัญหาผิวหนังไก่เพื่อฟื้นฟูให้สภาพผิวกลับมาเรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง แต่จะมีวิธีไหนบ้าง? สามารถช่วยได้มากน้อยแค่ไหน? และเหมาะกับใครบ้างตามมาดูรายละเอียดกันได้เลย
ทำไมต้องกำจัดขนรักแร้?
การกำจัดขนรักแร้ คือ การกำจัดขนใต้วงแขนให้หลุดออกไปด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถอน การโกน การใช้ครีมกำจัดขน การแว็กซ์ขน และการทำเลเซอร์ ซึ่งในแต่ละวิธีนั้นจะมีประสิทธิภาพ ข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนการเลือกวิธีกำจัดขนนั้นจะต้องพิจรณาถึงความเหมาะสมอย่างละเอียด
ขนรักแร้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ประโยชน์ของขนรักแร้ก็คือการป้องกันสิ่งสกปรก แบคทีเรียที่จะเข้าไปเกาะผิวรักแร้ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหากลิ่นตัวนั่นเอง นอกจากนั้นขนรักแร้ยังมีส่วนช่วยในการลดแรงเสียดสีในระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ นั่นเอง เนื่องจากผิวรักแร้ถือเป็นส่วนที่มีความบอบบางสูง
วิธีกำจัดขนรักแร้ มีอะไรบ้าง?
1. ถอนขนรักแร้
การถอน เป็นการกำจัดขนรักแร้แบบดั้งเดิมโดยใช้แหนบค่อยๆดึงขนรักแร้ออกทีละเส้น แต่สามารถกำจัดขนได้ทั้งรากทำให้ขนใหม่ขึ้นได้ช้า แต่วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกเจ็บและใช้เวลาในการถอนค่อนข้างนาน อีกทั้งรูขุมขนอาจมีอาการบวมและระคายเคืองผิว จนส่งผลให้เกิดตุ่มแดงขึ้นชั่วคราว นอกจากนี้ถ้าหากทำให้เส้นขนขาดในระหว่างการถอนก็อาจจะกลายเป็นขนคุดได้
ข้อดี-ข้อเสียของการถอนขนรักแร้
- กำจัดเส้นขนได้ถึงต้นตนของขน
- สามารถทำเองที่บ้านได้
- มีค่าใช้จ่ายที่ถูก
- ทำให้เกิดรักแร้หนังไก่ได้ง่าย
- ยิ่งทำไปนานอาจทำให้รักแร้ดำคล้ำขึ้น
- ไม่เหมาะกับคนไม่มีเวลาเพราะต้องมานั่งถอนทีละเส้น
2. โกนขนรักแร้
การโกนเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และประหยัดเวลา แต่อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังเกิดตุ่มหนังไก่ ผื่นแดง และเป็นแผลจากใบมีดโกน หรือทำให้เกิดขนคุดตามมาได้ รวมไปถึง ส่งผลให้เกิดตุ่มแดง รู้สึกระคายเคืองผิวหนังในบริเวณที่ทำ เมื่อทำเป็นประจะยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวใต้วงแขนคล้ำลงได้อีกด้วย นอกจากนี้การโกนยังเป็นวิธีที่กำจัดขนได้แค่เพียงส่วนบนของผิวหนังเท่านนั้น จึงทำให้เส้นขนที่ยาวขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วได้ภายใน 2-3 วัน
ข้อดี-ข้อเสียของการโกนขนรักแร้
- สามารถกำจัดขนได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่กี่นาที
- มีราคาที่ถูก
- สามารถทำเองได้ที่บ้าน
- ทำให้ขนยาวไวมากยิ่งขึ้น
- ทำให้ขนที่งอกขึ้นมาใหม่มีเส้นหนา แข็ง
- โกนขนบ่อยๆ อาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบหรือขนคุดขึ้นได้
3. แว็กซ์ขนรักแร้
การแว็กซ์ขนรักแร้ เป็นวิธีกำจัดขนที่รวดเร็วและทำให้ผิวหนังเรียบเนียนอีกทั้ง ขนเส้นใหม่จะงอกภายใน 2-3 สัปดาห์ วิธีนี้อาจส่งผลให้รูขุมขนเกิดอาการอ่อนแอลง เมื่อทำเป็นประจำเส้นขนอาจจะขึ้นน้อยลงและขึ้นช้าลงกว่าเดิมได้ แต่การแว็กซ์ขนอาจทำให้รู้สึกเจ็บเพราะต้องกระชากออกแรงๆ จึงทำให้เกิดตุ่มแดง รอยแดง และเกิดการอักเสบที่ผิวหนังได้ชั่วคราว
ข้อดี-ข้อเสียของการแว็กซ์ขนรักแร้
- ถอนขนได้ถึงรากของเส้นขน
- ใช้เวลาในการทำที่ไวกว่าการถอนขน
- เห็นผลนาน 1-2 สัปดาห์
- ความรู้สึกตอนทำจะเจ็บมากๆ
- ทำบ่อยๆ อาจทำให้เกิดหนังไก่ได้ง่าย
4. ครีมกำจัดขนรักแร้
สำหรับครีมกำจัดเส้นขนมักจะมีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีความเป็นด่างสูง เช่น แคลเซี่ยม ไฮดรอกไซด์เมื่อทาตรงบริเวณผิวหนังที่ต้องการกำจัดขนออก สารเคมีในครีมจะทำปฏิกิริยากับโครงสร้างโปรตีนภายในเส้นขน ทำให้เส้นขนอ่อนตัวลงและง่ายต่อการล้างหรือเช็ดออก แต่ก็ยังเป็นวิธีที่กำจัดขนได้เพียงแค่ชั้นบนของผิวหนังเท่านั้น โดยเส้นขนจะขึ้นใหม่ได้ภายใน 3-5 วัน ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว แต่สารเคมีในครีมมีกลิ่นฉุนและก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
ข้อดี-ข้อเสียของการใช้ครีมกำจัดขนรักแร้
- สามารถทำได้ง่าย ทำเองได้ที่บ้าน
- ในครีมบางตัวจะมีส่วนผสมในการบำรุงผิว
- เป็นวิธีที่ทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บหว่างทำเลย
- เห็นผลประมาณ 1-2 วัน
- ขนงอกใหม่จะมีเส้นหนาและแข็ง
- ตัวครีมมีกลิ่นฉุน
- บางรายอาจเกิดอาการแพ้ระคายเคืองผิวหลังทำได้
5. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้
เป็นวัตกรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยการนำแสงจากเลเซอร์ ส่งตรงไปยังบริเวณต่อมของรากขนเพื่อช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเส้นขน เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าการกำจัดขนโดยวิธีอื่นๆ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 5-8 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้สามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างหัตถการคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ และไม่เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายตามมา เพราะเป็นหัตถการที่ทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
ข้อดี-ข้อเสียของการเลเซอร์ขนรักแร้
- สามารถกำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่ ขนเส้นเล็ก และขนเส้นอ่อน
- ช่วยชะลอการเกิดเส้นขนใหม่ สามารถยิงได้อย่างรวดเร็ว แม้ในบริเวณกว้าง
- สามารถกำจัดขนได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ และไม่ต้องใช้ยาชาแต่อย่างใด
- ผลลัพธ์หลังทำครั้งแรกจะสังเกตได้ว่าปริมาณเส้นขนลดลงทันทีอย่างน้อย 30%
- เส้นขนที่เกิดใหม่จะมีขนาดเล็กลง สีอ่อนลง ปริมาณน้อยลง เมื่อทำติดต่อกันเรื่อยๆ เส้นขนก็จะค่อยๆหายไปอย่างถาวร
- รูขุมขนกระชับขึ้น รวมทั้งไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน เกลี้ยงเกลา และขาวใสขึ้น
ข้อเสียของการทำเลเซอร์ขนรักแร้? - อาจจะต้องกลับมาทำซ้ำ เพื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
- อาจมีอาการบวมแดงตามรูขุมขนได้ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
- อาจทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนังได้บ้างเล็กน้อย
- มีราคาที่สูงกว่าวิธีอื่นๆ
- ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้งขึ้นไปถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเลเซอร์ขนรักแร้
1.การทำเลเซอร์ขนรักแร้ที่ปลอดภัยมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- ทีมแพทย์จะเข้ามาทำความสะอาดผิวใต้วงแขนและจะมีการโกนเส้นขนออก (ใครมีความกังวลว่าจะรู้สึกเจ็บสามารถขอแปะยาชาได้ในขั้นตอนนี้)
-แพทย์จะเริ่มยิงเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ระหว่างทำคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะ Long Pulse ND YAG จะมี Dynamic Cooling Device ที่คอยปล่อยลมเย็นตรงบริเวณที่ทำอยู่ตลอดเวลา - แพทย์จะใช้เวลาในการหัตถการข้างละประมาณ 3-5 นาที (ขึ้นอยู่กับปริมาณหรือขนาดเส้นขน)
- หลังจากทำหัตถการเสร็จทีมแพทย์จะเริ่มเช็ดทำความสะอาดและทามอยเจอร์ไรให้คนไข้อีก1 ครั้ง
2.การทำเลเซอร์ขนรักแร้ด้วย Long Pulse Nd YAG มีหลักการทำงานอย่างไร?
Long Pulse ND YAG laser เป็นเครื่องเลเซอร์กําจัดขนถาวรที่มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร และ 1320 นาโนเมตร นิยมใช้ในการช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูอ่อนลง โดยหลักการทำงานขอวเลเซอร์ชนิดที่มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตรได้บ่อยกว่า ขณะที่ความยาวคลื่น 1320 นาโนเมตร ช่วยรักษาปัญหาหลุมแผลลึกๆได้และทำให้ผิวหนังตึงกระชับขึ้น ช่วยในระบบไหลเวียนเลือด และกำจัดเส้นขนให้อ่อนแอลง อีกทั้งยังช่วยชะลอเส้นขนใหม่ให้ขึ้นช้าลงอีกด้วย
ระบบ Dynamic Cooling Device ช่วยเรื่องอะไร? : Dynamic Cooling Device หรือ (DCD) คือ ระบบการปล่อยแก๊สเย็นออกมาในขณะยิงเลเซอร์ Long Pulse ND YAG เพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงเลเซอร์ให้กับผิวชั้นบน และช่วยปกป้องผิวหนังให้ปลอดภัยจากการเบิร์นได้
3.เลเซอร์ขนรักแร้ เจ็บไหม? ต้องแปะยาชาหรือไม่?
สำหรับการทำเลเซอร์ด้วย Long Pulse ND YAG laser ไม่จำเป็นต้องแปะยาชา เนื่องจากเป็นเครื่องเลเซอร์ที่อ่อนโยนมาก และมีหลักการส่งผลังงานลงสู่ชั้นผิวที่แม่นยำ จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนการทำเลเซอร์กำจัดขนด้วยเครื่องรุ่นอื่น นอกจากนี้ยังเป็นหัตถการที่รวดเร็ว คนไข้จึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดตามผิวหนังได้เลย
4.เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ด้วย Long Pulse Nd YAG กี่ครั้งเห็นผล ขนหายไปถาวรไหม?
สำหรับการกำจัดเส้นขนรักแร้ในแต่ละครั้งจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนประมาณ30% และหากมีการทำเลเซอร์ขนรักแร้อย่างต่อเนื่องประมาณ 3- 5 ครั้งขึ้นไป ก็สามารถทำให้เส้นขนหายไปได้อย่างถาวรประมาณ 3-5 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลและฮอร์โมนของแต่ละบุคคล)
5.นอกจาก Long Pulse Nd YAG มีเครื่องเลเซอร์ไหนที่นิยมใช้ในการกำจัดขนอีกบ้าง?
- Ruby laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีความถี่ของพัลส์สูง และมีการใช้พลังงานกระตุ้นแบบต่อเนื่อง จึงจะทำให้ผลึกร้อนจัดและแตกสลายได้ เป็นการกำจัดเส้นได้ถึงรากเส้นขน แต่ไม่สามารถกำตัดเส้นขนที่มีความบางมากๆได้
- Alexandrite laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ใช้ตัวกลางในการผลิตลำแสงให้เป็นผลึกอเล็กแซนไดร์รวมถึง มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 755 นาโนเมตร เพื่อช่วยกำจัดเส้นขนให้หลุดร่วงออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องกลับมาทำอย่างต่อเนื่อง 8-10 ครั้ง ถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
- Diode laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีเทคโนโลยีช่วยกำจัดเส้นขนได้จริง เพราะเป็นการกำจัดขนได้ลงลึกถึงรากขนจึงสามารถช่วยชะลอเส้นจนใหม่ให้ขึ้นช้าลงได้ โดยที่ไม่มีการทำร้ายผิวหนังด้านนอกให้เกิดการเสียหายได้ เหมะกับผู้ที่มีผิวขาวมากๆไปจนถึงผู้ที่มีผิวขาวเหลืองมากกว่าผู้ที่มีผิวสีแทน เพราะอาจทำให้เกิดการเบิร์นได้
เหล่าดาราและเน็ตไอดอลเลือกใช้วิธีกำจัดขนรักแร้ด้วยวิธีไหน
ในปัจจุบันเหล่าดาราและเน็ตไอดอลต่างเลือกใช้วิธีกำจัดขนด้วยการทำเลเซอร์ขนรักแร้อย่าง Long Pulse ND YAG Laser เพราะเป็นวิธีที่มีผลข้างเคียงที่ต่ำทั้งยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวรักแร้ได้อีกหลายอย่างอาทิเช่น ช่วยแก้ปัญหาหนังไก่ ช่วยให้รักแร้เนียนขึ้น ช่วยแก้ปัญหารักแร้ดำคล้ำ ช่วยให้ขนใหม่ขึ้นช้าลงมากๆ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์เหล่าคนดังอย่างมากเพราะเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีเวลาและต้องมีการแต่งกายที่หลากหลายเช่น โชว์ผิวรักแร้ซึ่งการเลเซอร์ขนรักแร้นั้นถือว่าช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เหล่าคนดังได้อย่างมากเลยทีเดียว
สรุป กําจัดขนรักแร้ ด้วยวิธีไหนดีสุด
หากใครที่มีแพลนจะเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ควรเลือกทำกับแพทย์ผู้เขี่ยวชาญและเลือกเครื่องเลเซอร์ที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมีความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว อีกที้งหากสามารถทดลองทำก่อนตัดสินใจได้ฟรีจะดียิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่โฆษณาเอาไว้